แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดยอดสโมสรที่มากด้วยความสำเร็จกับทิศทางที่เริ่มออกทะเล

หากจะยกให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในบรรดาสโมสรฟุตบอลที่ขับเคี่ยวกันในลีกที่ดีที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีกอังกฤษก็คงจะถูกต้องแล้ว เพราะนับแต่ดิวิชันหนึ่งอังกฤษถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรีเมียร์ลีก ยังไม่มีทีมใดนำถ้วยรางวัลไปประดับสโมสรได้มากเท่าทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ได้เลย แต่แล้วเหมือนวิมานความสำเร็จของบรรดาเรด เดวิล ต้องพังทลายลงด้วยเพราะการประกาศวางมือของบรมกุนซือที่ชื่อ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้นำพายูไนเต็ดออกห่างจากความสำเร็จออกไปทุกที

มาตรฐานที่ยากเกินจะเทียบเคียงของเฟอร์กูสัน ข้อสอบที่ยากยิ่งสำหรับยอดโค้ช

การที่เฟอร์กูสันสร้างความสำเร็จไว้มากมาย อาทิ แชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย และยังเป็นทีมเดียวที่สามารถครองแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัยซ้อนได้ถึง 2 หนด้วยกัน อีกทั้งครองเจ้ายุโรปได้ถึง 2 สมัย โดยยังไม่นับรวมแชมป์รายการถ้วยต่าง ๆ อีกหลายรายการย่อมทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่และถูกคาดหวังถึงคุณภาพของทีมที่มีมาตรฐานสูงอยู่เสมอ ซึ่งหลังจากพายูไนเต็ดครองความยิ่งใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นสมัยที่ 20 เฟอร์กูสันก็ประกาศยุติการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมลงทันที

เมื่อเฟอร์กูสันประกาศวางมือจึงเป็นงานหนักที่สโมสรต้องหาผู้จัดการในระดับที่พอวางใจได้เพื่อสืบทอดความยิ่งใหญ่ของสโมสรต่อไป นับแต่เดวิด มอยส์ ที่ถูกคาดหวังว่าเป็นกุนซือฝีมือดีจากผลงานการสร้างรากฐานฟุตบอลที่สวยงามให้กับเอฟเวอร์ตัน ส่งต่อมาที่หลุยส์ ฟาน กัล ยอดกุนซือผู้เอกอุไปด้วยความสามารถทั้งการพาทีมสโมสร และทีมชาติไปสู่จุดสูงสุดมาแล้วหลายต่อหลายทีม กระทั่งโชเซ มูรินโญ่ สุดยอดผู้จัดการทีมคนหนึ่งในยุคนี้ก็ได้รับหน้าที่กุมบังเหียนให้กับปีศาจแดงมาแล้ว และทุกคนล้วนถูกคาดหวังในการพาทีมกลับไปประสบความสำเร็จดังวันวานกันทั้งสิ้น แต่ผลงานที่ปรากฎกลับไม่เป็นเช่นนั้น มูรินโญ่เป็นคนเดียวที่พาทีมไปสู่แชมป์แบบจับต้องได้ทั้งลีก คัพ และยูโรปา ลีก กระนั้นผลงานในพรีเมียร์ลีก ก็กระท่อนกระแท่นและรูปแบบการเล่นของทีมที่ดูจะไม่มีอนาคตสักเท่าไร ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครดีพอจะพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับไปอยู่บนเส้นทางที่ใกล้เคียงกับความสำเร็จได้เลย

บทเรียนราคาแพงของคู่แข่ง ที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นกับปิศาจแดง

เส้นทางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจดูคล้ายลิเวอร์พูลในยุครุ่งเรืองถึงขีดสุดที่กอบโกยความสำเร็จเข้าสโมสรอย่างบ้าคลั่ง จนวันหนึ่งถึงจุดอิ่มตัวที่ทีมต้องมีการเปลี่ยนแปลงก็กลายเป็นเหมือนระเบิดลูกใหญ่ที่ทลายยอดปราสาทแห่งความสำเร็จ จนต้องเริ่มก่อสร้างกันใหม่ตั้งแต่ฐานราก โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือผู้เป็นลูกหม้อให้กับเรด เดวิลตั้งแต่สมัยค้าแข้ง จึงเป็นอีกหนึ่งคำถามว่าจะสามารถเรียกศรัทธาของแฟนบอลให้กลับมาเชื่อมั่นในทีมได้อีกครั้งในเร็ววันหรือไม่

30 ปีที่หงส์แดงห่างไกลจากแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษอาจเป็นสิ่งที่เตือนใจชั้นดีให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะสายเกินไป การเคลื่อนไหวในตลาดนักเตะก่อนเปิดฤดูกาล 2019/2020 ถือว่าไม่ได้หวือหวามากนักนอกจากแนวรับราคาแพง 2 ราย แฮร์รี แม็กไกวร์ และอารอน วาน-บิสซากา ทั้งที่ยังมีจุดที่ต้องแก้ไขอีกมากมาย แฟนบอลย่อมหวั่นใจแน่นอน และการที่ปล่อยให้ทีมร้างราความสำเร็จไว้นานวันย่อมสุ่มเสี่ยงต่อผลร้ายระยะยาวอย่างที่ลิเวอร์พูลเคยพบเจอ ฤดูกาลนี้จึงถือเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญบทหนึ่งของทีมบริหารสโมสร และโซลชาที่ต้องรีบหันหัวเรือทีมปิศาจแดงให้กลับเข้าฝั่งโดยเร็วก่อนจะสายเกินไป