ผ่านพ้นไปแล้ว กับฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก (T1) นัดที่ 31 เหลือเพียง 4 ทีมเท่านั้นที่ทำการแข่งขันไปเพียง 30 นัด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยังมีลุ้นแชมป์ฟุตบอล โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ถึงแม้ว่าโอกาสมันจะน้อยมากก็ตาม ซึ่งนับถือสถานการณ์ตอนนี้ บุรีรัมย์ จ่าฝูง มี 77 คะแนน จากการที่นัดล่าสุดเอาชนะ สุพรรณบุรี เอฟซี 1 ประตูต่อ 0 จากประตูชัยของ จุดโทษ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในนาทีสุดท้ายของเกม ซึ่งแทบจะส่งให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทยในทันทีเหลือแค่การคอนเฟิร์มในนัดหน้าที่บุรีรัมย์ จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ โปลิศ เทโร ซึ่งถ้าหากนัดนี้บุรีรัมย์เก็บได้แค่เพียง 1 คะแนนก็จะทำให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก เป็นสมัยที่ 6 อย่างแน่นอน

ส่วนสถานการณ์ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในตอนนี้ ถ้าต้องการที่จะคว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก   สมัยที่ 5 ก็คงต้องหวังพึ่งเพียงปาฏิหาริย์ให้ 3 นัดที่เหลือของบุรีรัมย์ ไม่สามารถเก็บแต้มได้เลย และ 4 นัดที่เหลือของเมืองทอง นั้นสามารถเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด เนื่องจากเป็นผลพวงมาจากนัดล่าสุดที่ไม่สามารถเอาชนะ สิงห์ท่าเรือ เอฟซี ได้ ทำให้นัดล่าสุด พวกเขาเก็บได้เพียง 1 แต้ม เป็น 66 คะแนน และถ้าดูจาก 3 นัดสุดท้ายของบุรีรัมย์นั้นก็ใช่ว่าจะสามารถเป็นไปไม่ได้เลย เพราะ 2 ใน 3 นัดที่ เหลือของบุรีรัมย์นั้น หาก ไม่สามารถเก็บแต้มจาก โปลิศ เทโร ในนัดต่อไปได้ พวกเขาต้องไปเยือน แบงค็อก ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี ทำให้นัดสุดท้ายที่จะเล่นในบ้าน คงต้องลุ้นจนถึงวินาทีสุดท้ายของเกมอย่างแน่นอน แต่ก็ใช่ว่าสถานการณ์ของ เมืองทองนั้นจะง่าย เพราะ 2 ใน 4 นัดที่เหลือ พวกเขาต้องเจอกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด และบางกอกกล๊าส เอฟซี ทำให้ฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ปีนี้ ยังคงไม่จบลงง่ายๆ เพราะยังคงต้องลุ้นกันต่อไปอย่างน้อยก็อีกนัด ซึ่งถึงแม้กรณีที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดจะแพ้ทั้งหมด และเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ชนะทั้งหมด จะมีความเป็นไปได้น้อยมาก หรือกล่าวได้ว่า บุรีรัมย์เป็นแชมป์ไปแล้ว 99% แต่ขึ้นชื่อว่าฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้ นี่แหละครับเป็นสเน่ห์ของกีฬาฟุตบอล