Tag Archives: อินเตอร์ มิลาน

คริสเตียน อีริคเซ่น กับชีวิตที่ไม่ลงตัวในสีเสื้องูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน

ในช่วงที่เข้าใกล้การเปิดทำการของตลาดนักเตะเช่นนี้ เราก็มักจะได้ยินข่าวการย้ายทีมของผู้เล่นชื่อดังหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในช่วงนี้ที่เราได้เห็นข่าวดัง ๆ ก็จะเป็นบรรดาผู้เล่นชื่อดังที่กำลังจะหมดสัญญาเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในรายของเพลย์เมคเกอร์ชาวเดนมาร์กอย่าง คริสเตียน อีริคเซ่นนั้น กลับเป็นประเด็นที่มีแววว่าจะมีการย้ายทีมเกิดขึ้นในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าเหตุของการย้ายทีมค่อนข้างที่จะแตกต่างออกไป

เพราะในรายของอีริคเซ่นนั้นเหตุผลของการอยากย้ายทีมในครั้งนี้มันมาจากการที่เขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งเหมือนกับสมัยที่สวมชุดไก่เดือยทองได้นั่นเอง และมันทำให้เขาไม่สามารถที่จะการันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมของอันโตนิโอ คอนเต้ได้อีกด้วย ซึ่งมันทำให้เขามักจะถูกจับเป็นตัวสำรองแทบตลอดไม่ว่าคอนเต้จะปรับแผนไปเล่นแบบใด ซึ่งเมื่อดูจากจำนวนนัดที่ลงสนามของเขาในฤดูกาลนี้จากที่ผ่านโปรแกรมในลีกไป 9 นัด เขาได้ลงสัมผัสเกมลีกเพียงแค่ 5 นัดเท่านั้นเอง ซึ่งใน 5 นัดที่ว่าเขาลงเป็น 11 คนแรกเพียงแค่ 3 เกม แถมยังถูกเปลี่ยนออกช่วงกลางครึ่งหลังทั้งหมดอีกด้วย ซึ่งมันทำให้ตัวเลขผลงานการผลิตประตูทั้งการยิงและการจ่ายของเขาเป็นศูนย์เลยในฤดูกาลนี้

มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อยเมื่อหันกลับไปมองสถิติที่ผ่านมา ในสมัยที่เจ้าตัวยังคงค้าแข้งอยู่กับไก่เดือยทองที่ตลอดช่วงเวลาหกปีครึ่งที่นั่น เขาสามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปเป็นตัวสร้างสรรค์เกมที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลกใบนี้ ที่ทำให้ทีมเล่นบอลได้อย่างมีชีวิตชีวาและมีประสิทธิภาพ และสถิติส่วนตัวของเขาก็อยู่ที่การทำได้ถึง 69 ประตูและจ่ายให้เพื่อนยิงไป 89 เม็ดอีกด้วย ซึ่งมันดูจะไม่สมเหตุสมผลเลยกับการที่เขากำลังรุ่งที่อังกฤษ แต่กลับต้องมานั่งสำรองที่อิตาลีในขณะที่กองหน้าตกอับที่อังกฤษอย่างลูกากูกลับมามายิงได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้งในสถานที่เดียวกัน

ซึ่งแน่นอนว่าสถานการณ์แบบนี้มันย่อมไม่เป็นที่พอใจของเขาอย่างแน่นอน มันจึงเกิดเรื่องราวการอยากย้ายทีมของเขาขึ้น ซึ่งทางสโมสรเองก็บอกว่าจะไม่รั้งไว้เสียด้วยหากเจ้าตัวอยากจะไปจริง ๆ ซึ่งข่าวที่ว่าก็ถูกโยงไปยังสองทีมใหญ่จากเกาะอังกฤษอย่างอาร์เซน่อล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นเอง ที่พร้อมจะดึงตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งมันก็มีส่วนที่จะทำให้เกิดได้ง่ายขึ้นเพราะทางอินเตอร์เองก็เล็งผู้เล่นกองกลางจากทั้งสองทีมนี้อยู่เช่นกัน

ถ้าหากว่าการย้ายทีมกลับสู่เกาะอังกฤษอีกครั้งของเขาเกิดขึ้นจริง แล้วด้วยสภาพแวดล้อมเดิม ฟุตบอลแบบที่เขาคุ้นเคย มันอาจจะทำให้คริสเตียน อีริคเซ่นได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองและกลับมาเป็นผู้เล่นระดับโลกอีกครั้งหนึ่งก็ได้ และมันคงจะดีกว่าการที่นักเตะพรสวรรค์อย่างเขาจะไปนั่งสำรองกับทีมใดทีมหนึ่ง จนความสามารถที่เขามีนั้นมันค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลา ซึ่งแบบนั้นมันคงจะน่าเสียดายอย่างมากเลยทีเดียว

โรเมลู ลูกากู ยอดกองหน้าตัวเป้า ความเสี่ยงที่อาจคุ้มค่าสำหรับอินเตอร์มิลาน

ตลาดซื้อขายนักฟุตบอลได้ปิดตัวลงไปแล้ว การเสริมทีมด้วยนักฟุตบอลฝีเท้าดีของทุกสโมสรจึงสิ้นสุดลงจนกว่าจะถึงตลาดฤดูหนาวต้นปี 2020 และหนึ่งในการซื้อขายที่กินเวลานานนับแต่เริ่มเปิดตลาด มีข่าวที่ถูกนำเสนอทั้งที่มีแนวโน้มว่าจะย้ายแน่ และอาจไม่ได้ย้ายอยู่ไม่เว้นวัน แต่ท้ายที่สุดการย้ายก็เกิดขึ้นในวันท้าย ๆ ก่อนตลาดจะปิดตัวลง เป็นผลสรุปที่น่าจะพึงพอใจกับทุกฝ่าย หนึ่งในดีลที่น่าสนใจด้วยมุมมองที่หลากหลายจากผู้สันทัดกรณีว่าคุ้มค่าหรือไม่ นั่นคือ ดีลของกองหน้าร่างยักษ์ โรเมลู ลูกากู

เส้นทางนักเตะอาชีพที่ไม่เรียบหรูแต่มากด้วยความทรงจำของชายที่ชื่อลูกากู

                โรเมลู ลูกากู ถือสัญชาติเบลเจียน และติดทีมชาติในทีมเยาวชนตั้งแต่ชุดอายุไม่เกิน 15 ปี, 18 ปี และ 21 ปี ตามลำดับก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทีมชาติเบลเยียมชุดใหญ่ด้วยอายุยังไม่ถึง 20 ปีเสียด้วยซ้ำ ลูกากูมีพื้นฐานในครอบครัวที่มีฐานะยากจนเริ่มเล่นฟุตบอลด้วยแรงบันดาลใจของผู้เป็นพ่อซึ่งเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพ ด้วยรูปร่างใหญ่โตเกินเด็กในวัยเดียวกันทั้งพละกำลังและไหวพริบในการจบสกอร์ทำให้เขาก้าวเข้าสู่สโมสรเยาวชนอันเดอร์เลชท์ซึ่งเป็นสโมสรใหญ่ของลีกเบลเยียม และสามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ในเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น นั่นนับเป็นก้าวแรกของเส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพของโรเมลู ลูกากู

การย้ายทีมของโรเมลู ลูกากู จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปสู่อินเตอร์ มิลาน ถือเป็นการย้ายออกนอกอังกฤษครั้งแรกของเขา เพราะนับตั้งแต่ก้าวสู่การเป็นนักเตะอาชีพ ลูกากูก็ได้รับความสนใจจากยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษอย่างเชลซี แต่น่าเสียดายที่เชลซีในวันนั้นมีกองหน้าชั้นยอดอย่างดร็อกบา ซึ่งยากเกินกว่าที่นักเตะดาวรุ่งอย่างเขาจะสอดแทรกขึ้นไปได้ หากแต่การย้ายไปสู่ทีมฝั่งเมอร์ซีไซด์อย่างเอฟเวอร์ตันกลับทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดในพรีเมียร์ลีกขณะนั้น และแน่นอนว่าด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงบวกกับอายุเพียง 20 ปีต้น ๆ ย่อมทำให้มูรินโญ่ กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะนั้นยอมทุ่มเงิน 75 ล้านปอนด์คว้าตัวเขามาเพื่อเป็นตัวความหวังแดนหน้าในการนำพาความสำเร็จกลับมาสู่โอลด์แทรฟฟอร์ด หากแต่ความจริงช่างเล่นตลก เพราะแม้ว่าลูกากูจะทำผลงานได้ดีไม่น้อยสำหรับตำแหน่งกองหน้า แต่ภาพรวมของทีมที่กระท่อนกระแท่นทำแต้มหลุดมือเป็นประจำกับทีมเล็กทีมน้อย ค่าตัวระดับ 75 ล้านปอนด์จึงย้อนมาทำร้ายเขาด้วยความคาดหวังจากแฟนบอลที่ต้องการเห็นเขาถล่มประตูช่วยทีมได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ปัญหาที่ต่อเนื่องมาจนยุคของโอเล กุนนาร์ โซลชา ไฟในตัวของลูกากูดูเหมือนจะมอดลงด้วยฟอร์มในสนามที่ขาดความดุดันมุ่งมั่น การขายเขาออกไปหาความท้าทายใหม่ยังต่างแดนด้วยราคา 73.9 ล้านปอนด์ จึงน่าจะเป็นทางออกที่สมประโยชน์กับทุกฝ่าย

จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของทีมงูใหญ่ที่อาจพาสโมสรกลับมาทวงความยิ่งใหญ่

                การกลับคืนสู่เวทียุโรปของทีมอินเตอร์ มิลาน เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้สโมสรต้องเร่งเดินหน้าเพื่อสร้างทีมให้แข็งแกร่ง เริ่มตั้งแต่ผู้จัดการทีมซึ่งได้อันโตนิโอ คอนเต้มารับหน้าที่กุมบังเหียน และตามมาด้วยการจับจ่ายในตลาดนักเตะอย่างน่าตื่นตาตื่นใจเพื่อผนวกกำลังกับทีมชุดเดิมที่ถือว่าแข็งแกร่งในระดับหนึ่งอยู่แล้ว การได้โรเมลู ลูกากู ก็น่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมงูใหญ่ได้เป็นอย่างมาก

เซเรีย อา จัดว่าเป็นลีกที่เล่นบอลเชิงระบบ มีสปีดของเกมช้ากว่าพรีเมียร์ลีกพอสมควร อีกทั้งการเข้าปะทะก็ไม่ได้หนักหน่วงดุดันเท่า ประสบการณ์นักเตะอาชีพในเวทีพรีเมียร์ลีกจึงน่าจะทำให้ลูกากูฉายแสงความเป็นเพชฌฆาตดาวยิงได้อีกครั้ง และอาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะทำให้อินเตอร์ มิลานกลับมาต่อกรกับบรรดายอดทีมในแดนมักกะโรนีและทีมในยุโรปอย่างสูสีอีกครั้งก็เป็นได้