Tag Archives: ทีมชั้นนำยุโรป

จตุรเทพปราการหลังแห่งฤดูกาล 2018/2019

“ศักยภาพในเกมรุกของทีมจะเป็นจุดชี้วัดชัยชนะ แต่ศักยภาพในเกมรับจะส่งผลให้คุณเป็นแชมป์” นี่คือคำกล่าวของบรมกุนซือผู้สร้างตำนานความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้แก่สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในตำแหน่งปราการหลังของทีม ที่ถือเป็นรากฐานสำคัญในการนำพาทีมฟุตบอลทีมหนึ่งประสบความสำเร็จในโลกของฟุตบอล

และในเวลานี้ การแข่งขันฤดูกาล 2018/2019 ได้ดำเนินมาจนใกล้จะถึงปลายทางแล้ว แต่ละสโมสรต่างกำอาวุธที่มีห้ำหั่นใส่กันอย่างดุเดือด แน่นอนว่าสิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือเหล่าบรรดากองหลังที่จะคอยปกป้องไม่ให้ประตูที่ทีมสามารถทำได้ กลายเป็นไร้ความหมายเมื่อโดนทะลวงป้อมปราการเข้ามาทำประตูพลิกแซงไปคว้าชัยชนะในภายหลัง

แล้วมีนักเตะตำแหน่งกองหลังรายใดบาง ที่ทำผลงานอย่างโดดเด่นที่สุดในฤดูกาลนี้

อายเมริค ลาปอร์เต้ปราการหลังชาวฝรั่งเศสของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือเป็นหนึ่งในกองหลังตัวหลักภายใต้การนำทัพของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดยตลอดการลงเล่นในฤดูกาล 2018/2019 ลาปอร์เต้ ถือเป็นหนึ่งในกองหลังรูปแบบสมัยใหม่ ที่นอกจากจะต้องมีการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่นแล้วนั้น ยังต้องมีการวางบอลทำเกมจากแนวหลังได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมีสถิติการผ่านบอลสำเร็จอยู่ที่ 92 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นการผ่านบอลเฉลี่ยต่อเกมอยู่ที่ 85.6 ครั้ง ผ่านบอลยาวเฉลี่ย 5 ครั้งต่อเกม และเคลียร์บอลอันตรายเฉลี่ยต่อเกมอยู่ที่ 2.6 ครั้ง

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังวัยเก๋าสายพันธุ์ดุของสโมสร ยูเวนตุส ที่ถึงแม้จะอยู่ในวัยที่ล่วงเลยถึง 34 ปี แล้ว แต่ด้วยฝีมือและประสบการณ์ทำให้ยังยึดตำแหน่งแผงหลังตัวหลัก และสร้างผลงานให้กับสโมสรได้ยอดเยี่ยมไม่ต่างจากเดิม ด้วยผลงานการยืนคุมตำแหน่งและความนิ่งที่สร้างความมั่นคงในแดนหลังให้กับทีม พร้อมสถิติการเคลียร์บอลอันตรายหน้ากรอบเขตโทษเฉลี่ยถึง 3.4 ครั้งต่อเกม และชนะการดวลกลางอากาศเฉลี่ยต่อเกม 2.2 ครั้ง ทำให้ยังคงยึดตำแหน่งกองหลังอันดับต้น ๆ ของโลกได้เรื่อยมา

คาลิดู คูลิบาลี่ปราการหลังร่างยักษ์แห่งทัพนาโปลี ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพาสโมสรท้าทายขั้วอำนาจใหญ่ในปัจจุบันของสโมสรในอิตาลีอย่าง ยูเวนตุส ด้วยความเร็วและการยืนปักหลักในแดนหลังอย่างมั่นคง บวกกับสถิติการเข้าสกัดสำเร็จเฉลี่ยถึง
 2 ครั้งต่อเกม แย่งบอลจากคู่แข่งสำเร็จ 1.2 ครั้งต่อเกม บล็อกลูกยิงคู่แข่งเฉลี่ย 1 ครั้งต่อเกม และมีสถิติการชนะการดวลลูกกลางอากาศเฉลี่ยต่อเกมสูงถึง 2.4 ครั้ง ทำให้ คาลิดู คูลิบาลี่ เป็นหนึ่งในกองหลังอันดับต้น ๆ ของโลก และได้รับความสนใจจากสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป และหนึ่งในนั้นคือสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สุดท้ายคือ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ สุดยอดปราการหลังของสโมสร ลิเวอร์พูล ที่ได้รับคำชื่นชมมากมายจากเหล่าผู้จัดการทีม นักวิเคราะห์ และอดีตนักเตะชั้นนำทั่วโลก ด้วยความดุดันและครบเครื่องมากที่สุดเท่าที่นักเตะกองหลังควรจะมี ทำให้จากสถิติการลงเล่นตลอดฤดูกาล 2018/2019 ฟานไดค์มีสถิติการเคลียร์บอลอันตรายหน้ากรอบเขตโทษสูงถึง 5.3 ครั้งต่อเกม ชนะดวลกลางอากาศ 4.7 ครั้งต่อเกม จ่ายบอลยาวเฉลี่ยต่อเกม 5.7 ครั้ง และผ่านบอลสำเร็จคิดเป็นเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 89.6 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าตัวจะได้รับการขนานนามจากเหล่านักวิจารณ์และแฟนบอลจำนวนมากว่าเป็น ว่าที่กองหลังอันดับหนึ่งของโลก ในปัจจุบัน

เหล่าผู้กุมชะตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นรายการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับสโมสร แต่ละทีมต่างหมายมั่นปั้นมือที่จะคว้าแชมป์มาครองให้ได้ในท้ายที่สุด โดยปฏิเสธไม่ได้ว่า เหล่านักเตะคนสำคัญของแต่ละทีมนั้น อาจเป็นจุดสำคัญต่อการชี้วัดถึงผลการแข่งขัน ที่จะพาทีมผ่านเข้าไปสู่รอบต่อไป

                แฮร์รี่ เคน หัวหอกตัวเก่งของทางสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีความสามารถเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยมีส่วนรวมในการทำประตูให้สโมสรเฉลี่ยต่อเกมอยู่ที่ 0.84 ประตู ถือเป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญที่ทางสโมสรขาดไม่ได้ในเวลานี้

                เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังซึ่งถือเป็นแกนหลักที่พาสโมสร ลิเวอร์พูล ถือครองสถิติการเสียประตูน้อยที่สุด และมีสถิติการพาทีมเก็บคลีนชีตได้มากที่สุดในลีกอังกฤษ นอกเหนือจากนี้ ยังเป็นตัวเต็งที่ทางสื่อ นักวิจารณ์ รวมถึงแฟนบอลมองว่า มีสิทธิ์ที่จะได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสมาคมฟุตบอลอังกฤษประจำฤดูกาล 2018/2019

                คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สุดยอดนักเตะที่การันตีความสามารถด้วยรางวัล บัลลง ดอร์ 5 สมัย ที่หลังพาสโมสร
เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปครองสามสมัยซ้อน ได้ย้ายทีมไปอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี อย่าง
ยูเวนตุส และถึงแม้อายุจะเข้าสู่วัย 34 ปีแล้ว แต่ความร้อนแรงก็ไม่ได้ลดลงเลย โดยมีส่วนร่วมกับประตูของทางสโมสร
สูงถึง 1.1 ประตูต่อเกม

                ฮาคิม ซีเยค ดาวเตะของทางสโมสร อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ผู้เป็นฟันเฟืองสำคัญในเกมรุกให้กับสโมสร และมีส่วนอย่างมากในการพาทีมพลิกชนะ เรอัล มาดริด ผ่านเข้ารอบมาได้ โดยมีสถิติการมีส่วนร่วมกับประตูเฉลี่ยถึง 1.1 ประตูต่อเกม และจ่ายลูกสร้างสรรค์โอกาสโดยเฉลี่ยต่อเกมสูงถึง 3.8 ครั้ง

                ปอล ป็อกบา กองกลางคนสำคัญที่ของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ภายหลังการแต่งตั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดของยุโรป โดยถึงแม้จะเล่นเป็นกองกลาง แต่กลับมีสถิติการมีส่วนร่วมกับประตูสูงถึง 0.7 ประตูต่อเกม

                ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงพรสวรรค์ระดับต่างดาว ที่การันตีความสามารถด้วยรางวัล บัลลง ดอร์ 5 สมัย และถือหนึ่งใน
นักเตะที่ฟอร์มร้อนแรงมากที่สุดในฤดูกาล โดยในฤดูกาลนี้ เมสซี่ มีสถิติในการมีส่วนร่วมกับประตูที่ทางสโมสร บาร์เซโลน่า ทำได้สูงถึง 1.57 ประตูต่อเกม เลี้ยงผ่านคู่แข่งเฉลี่ยต่อเกมอยู่ที่ 3.8 ครั้ง และสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนสูงถึง 3.1 ครั้งต่อเกม

                เซร์คิโอ อเกวโร่ สุดยอดหัวหอกของทางสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผู้กวาดความสำเร็จมาแล้วมากมายให้กับสโมสร และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทาง ซิตี้ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมเต็งที่จะได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก โดยฤดูกาลนี้มีส่วนร่วมกับประตูที่สโมสรทำได้เฉลี่ย 1 ประตูต่อเกมเลยทีเดียว

                เอแดร์ มิลิเตา ปราการหลังวัย 21 ปีของสโมสร ปอร์โต้ ที่ปัจจุบันทางสโมสร เรอัล มาดริด ได้เซ็นสัญญาล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อย โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การเคลียร์บอลอันตรายสูงถึง 3.1 ครั้งต่อเกม แย่งบอลจากคู่แข่ง 2.3 ครั้งต่อเกม และดวลชนะลูกกลางอากาศต่อเกมเฉลี่ยสูงถึง 4 ครั้งต่อเกม เรียกได้ว่า นี่คือหนึ่งในกองหลังดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดรายหนึ่งของวงการฟุตบอล

                ไม่รู้ว่าผลสุดท้าย ทีมไหนจะคว้าชัยชนะและได้ผ่านเข้าไปสู่รอบต่อไป พร้อมทั้งคว้าแชมป์ได้ในท้ายที่สุด แต่เชื่อได้เลยว่า เหล่านักเตะที่ได้กล่าวมานี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะส่งผลต่อเกมการแข่งขันศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งนี้อย่างแน่นอน

จับตามอง เหล่าเด็กนรกสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดในปี 2000

คลื่นลูกเก่าถูกพัดพาไป คลื่นลูกใหม่ก็ต้องเกิดขึ้น เมื่อนักเตะที่เราคุ้นเคยต่างค่อย ๆ โรยรา ทยอยกันยุติอาชีพการค้าแข้งหรือย้ายออกจากลีกใหญ่ของทางฝั่งยุโรป ก็ต้องมีนักเตะหน้าใหม่เกิดขึ้นมาในทุก ๆ ปี และนี่ก็ใกล้เข้ามาอีกขั้น สำหรับยุคสมัยใหม่ของเหล่านักฟุตบอลที่เกิดหลังปี 2000 ที่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ปรับให้โลกฟุตบอลมีความทันสมัยมากขึ้น

                แล้วดาวรุ่งคนไหนที่เราควรจับตามองเป็นพิเศษ ?

                จาดอน ซานโช่ ดาวรุ่งชาวอังกฤษ ผู้กล้าก้าวข้ามกรอบความคิดเดิม ๆ ของเหล่าดาวรุ่งส่วนใหญ่ในอังกฤษ ที่มักจะเลือกอยู่กับสโมสรภายในประเทศ โดยอำลาสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปพิสูจน์ตัวเองกับสโมสรใหญ่ที่อยู่ในลีกสูงสุดของเยอรมันอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของทาง ดอร์ทมุนด์ ทันที โดยหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ได้สร้างชื่อใน ศึกดาร์บี้แมตช์ ที่พบกับสโมสร ชาลเก้ 04 เมื่อซัดไป 2 ประตู 2 แอสซิสต์ พร้อมทั้งทำลายสถิตินักฟุตบอลชาวอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน

                วินิซิอุส จูเนียร์ ดาวรุ่งพุ่งแรงดวงใหม่ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดแห่งวงการฟุตบอลบราซิล และเป็นความหวังใหม่ของทางสโมสร เรอัล มาดริด ภายหลังการเสีย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ด้วยผลงานการเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยม ควบตำแหน่ง
ดาวซัลโวของทีมชาติบราซิลในรายการชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ ชุดยู -17 ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ทางเรอัล มาดริด ทุ่มเงินฉีกสัญญามูลค่า 45 ล้านยูโร เซ็นสัญญาล่วงหน้ากับสโมสรต้นสังกัดอย่าง ฟลาเมงโก้ ตั้งแต่วัยเพียง 16 ปี และปัจจุบันถือเป็นแกนหลักสำคัญในการสร้างทีมยุคใหม่ของ ราชันชุดขาว เรอัลมาดริด

                คัลลั่ม ฮัดสันโอดอย แนวรุกตัวหลักของทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์ฟุตบอลโลก ยู-17 และปีกดาวรุ่งที่สามารถทะลุขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรอย่าง สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ด้วยความสามารถที่เหลือล้น ทำให้ทางสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมันอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ถึงกับแสดงความสนใจติดต่อขอซื้อด้วยมูลค่า 20 ล้านปอนด์ แต่ทางสโมสรเชลซีได้ปฏิเสธไปเพราะต้องการเก็บไว้ใช้เป็นกำลังสำคัญในอนาคต นอกจากนี้ แฟนบอล เชลซี ถึงกับร้องเพลงพร้อมชูเสื้อให้กับเจ้าตัว เพื่อแสดงความรักที่มีต่อดาวรุ่งรายนี้

                และนอกเหนือจากที่กล่าวมา ยังมีดาวรุ่งอีกมากมายที่ถูกพูดถึงอย่าง อังเคล โกเมส และเจมส์ การ์เนอร์ ดาวรุ่งแห่งฝั่งสโมสรปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไรอัน เซสเซยง จากสโมสรฟูแล่ม ฟิล โฟเด้น จากสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือจะเป็นฝั่งเยอรมันที่ทาง บาเยิร์น มิวนิค พึ่งประกาศคว้าตัวกองหน้าดาวรุ่งที่ถือเป็นความหวังใหม่ของชาวเยอรมันอย่าง
ยานน์-ฟีเต้ อาร์ป นี่จึงถือเป็นสัญญาณการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยใหม่ และเชื่อว่าในเวลาอีกไม่นาน จะมีเหล่านักเตะรุ่นใหม่อีกมากมาย ที่พร้อมก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดในเวทีระดับโลก และมาเป็นฟันเฟื่องสำคัญในการขับเคลื่อนโลกฟุตบอลในอนาคต