Tag Archives: มาดริด

จับตาตลาดหน้าหนาวนี้ กับอนาคตของอีสโก้ ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้กับราชัน

ความไม่แน่นอนของชีวิตนั้นย่อมมีอยู่เป็นสัจธรรม มันสามารถผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ชีวิตมีขึ้นมีลงได้อยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ในโลกของฟุตบอล และนี่คือหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้ สำหรับกรณีของเพลย์เมคเกอร์ทีมชาติสเปน ของทัพราชันชุดขาว เรอัล มาดริด อย่างอีสโก้ อลาร์กอน เพราะครั้งหนึ่งเขาคือสุดยอดกองกลางคนหนึ่งของทีม รวมไปถึงของโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ เขาสามารถเลี้ยงผ่านแนวรับคู่ต่อสู้เข้าไปพังประตูได้ราวกับมีเวทย์มนต์ เขาเป็นที่รักของแฟน ๆ ในเบอร์นาเบว แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นส่วนเกินที่นี่ไปเสียแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 หลังเจ้าตัวพาทีมชาติสเปนชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ขึ้นไปคว้าตำแหน่งจ้าวยุโรปได้อย่างยิ่งใหญ่ มันก็ทำให้ทีมใหญ่อย่างราชันชุดขาวซึ่งในเวลานั้นอยู่ภายใต้การคุมทัพของคาร์โล อันเชล็อตติ ยอมทุ่มเงินค่าตัวสูงถึง 30 ล้านปอนด์ไปดึงตัวเขามาจากมาลาก้าและนับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่เบอร์นาเบวเขาก็กลายเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมในทันที และดูเหมือนว่าทุกอย่างของเขาที่นี่จะไปได้สวย เพราะถึงแม้ว่าทีมจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการทีมจากอันเชล็อตติ เป็นราฟาเอล เบนิเตซ เป็นซีเนอดีน ซีดาน หรืยูเลน โลเปเตกี เขาก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญในเกมรุกของทีมอยู่เสมอ โดยเฉพาะในยุคคุมทีมครั้งแรกของซีดานนั้นยิ่งดูเหมือนว่าจะไปได้สวยอย่างมาก เพราะดูแล้วนายใหญ่ชาวฝรั่งเศสจะชื่นชอบในฝีเท้าของเขาเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วนั่นเอง

จุดเปลี่ยนของเขามาเกิดขึ้นในช่วงที่ทีมถูกเปลี่ยนมือผู้จัดการทีมมาเป็นซานติอาโก้ โซลารี่ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับความสำคัญเท่ากับที่เคยมีมาตลอด ซึ่งมันอาจจะมาเหตุผลทางแท็กติกหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ที่ทำให้เขาได้ลงสนามในฤดูกาลนั้นในฐานะตัวสำรองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในฤดูกาลนั้นทีมราชันก็แทบจะเรียกได้ว่าจบฤดูกาลมือเปล่าเลยก็ว่าได้ เพราะถ้วยรางวัลที่ได้มาก็เพียงแค่แชมป์สโมสรโลกที่เป็นผลพลอยได้มาจากการเป็นแชมป์ยูซีแอลเมื่อฤดูกาลก่อนหน้าเท่านั้นเอง

หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมจากโซลารี่กลับมาเป็นซีดานอีกครั้ง ตัวของอีสโก้และแฟนบอล Fun88 หลายคนจะคิดว่าฝันร้ายของกองกลางรายนี้คงจะจบลงแล้ว แต่มันกลับกลายเป็นว่าถึงแม้ซีดานจะชอบอีสโก้เพียงใด แต่กลับมีอาการบาดเจ็บของเขาเองเข้ามาเป็นตัวถ่วงความสม่ำเสมอของเขาไปเสียอีก แถมทีมยังมีคู่แข่งในการแย่งตำแหน่งคนสำคัญอย่างเอเดน อาซาร์ดเพิ่มเข้ามาอีกด้วย ทำให้การกลับลงสู่สนามและคืนฟอร์มของเขายากขึ้นไปอีก จนมีหลายเสียงที่ออกมาแนะนำเขาว่าควรจะย้ายออกไปพิสูจน์ตัวเองจะดีกว่าเพื่อโอกาสการลงสนามและการติดทีมชาติสเปน

แน่นอนว่าด้วยฝีเท้า ประสบการณ์ และความสำเร็จมากมายที่ตัวของอีสโก้ อลาร์กอนได้ผ่านมานั้น มันย่อมทำให้มีหลายทีมพร้อมที่จะอ้าแขนรับอย่างแน่นอน และทีมหนึ่งที่สนใจในตัวเขาก็คือเรือใบสีฟ้าทีมใหญ่จากฝั่งอังกฤษที่อยากจะได้เขาไปเป็นตัวแทนของดาบิด ซิลบา และสไตล์ฟุตบอลของเป็ป กวาร์ดิโอล่าน่าจะเข้ากับตัวของอีสโก้ได้ดีและเป็ปเองก็น่าจะมีวิธีปลุกเทพในตัวของเขาให้กลับมาร่ายมนต์บนผืนหญ้าได้อีกครั้งแน่ และด้วยอายุของเขาก็มีเวลาเพียงพอที่จะกลับสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง เพียงแค่โอกาสและความมั่นใจเท่านั้นเองที่เขายังมีไม่พอ

ถ้าป็อกบาแพงเกินไป หันมาให้โอกาสบัลเบร์เด้ดูก็ได้

เป็นที่รู้กันดีว่า นับตั้งแต่เริ่มเปิดฤดูกาล 2019-2020 เรอัล มาดริด ของกุนซือซีเนอดีน ซีดาน ตกเป็นข่าวตามหน้าสื่ออยู่ตลอด ในการที่อยากจะดึงตัวยอดมิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส อย่างปอล ป็อกบา ของปีศาจแดงมาร่วมทีม เพื่อสร้างทีมราชันยุคใหม่ให้กลับมายิ่งใหญ่ดังเดิม และดูเหมือนว่ามันน่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อตัวนักเตะเองก็แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าต้องการย้ายทีม แต่แน่นอนว่าการดึงป็อกบามาร่วมทีมนั้น มันจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน เพราะเจ้าของสัญญาอย่างยูไนเต็ดก็คงไม่ยอมขาดทุนจากค่าตัวที่จ่ายให้ยูเว่แน่ ๆ ไหนจะเงินกินเปล่าของตัวนักเตะ และผู้จัดการส่วนตัวของเขาอีก รวม ๆ แล้วเชื่อว่าทีมราชันคงต้องจ่ายทะลุร้อยล้านปอนด์แน่ ๆ หากเกิดดีลนี้ขึ้นจริง ๆ

แน่นอนว่าเงินจำนวนนั้นทีมอย่างราชันชุดขาวจ่ายได้ หากต้องการจะดึงตัวป็อกบามาร่วมทีมจริง ๆ แต่จนถึงตอนนี้ดีลดังกล่าวก็ยังไม่เกิดขึ้น อาจด้วยอาการบาดเจ็บของนักเตะเอง การพยายามรั้งตัวของยูไนเต็ด หรือการตกลงผลประโยชน์กับเอเยนต์ไม่ลงตัว หรืออะไรก็ตามแต่ การที่เวลามันถูกยืดให้นานออกไป กลับทำให้ทัพราชันชุดขาวค้นพบเพชรเม็ดงามที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเลย และการค้นพบผู้เล่นคนนี้ อาจทำให้แผนการดึงตัวป็อกบาอาจต้องพับเก็บไปเลยทีเดียว นั่นเท่ากับว่าป็อกบากับเอเยนต์ของเขาอาจจะต้องกลับลำอยู่กับผีแดงต่อไป หลังออกลูกงอแงขอย้ายทีมมานานหลายเดือน และแผนการสร้างทีมใหม่ของมาดริด ชื่อของคนที่จะมาเป็นศูนย์กลางของทีมใหม่ อาจจะเปลี่ยนจากชื่อของปอล ป็อกบา มาเป็นเฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ แทน

เด็กหนุ่มวัย 21 ปีคนนี้ ทีมราชันชุดขาวได้ทำการดึงตัวมาจากเปนญาร่อล ในลีกอุรุกวัยบ้านเกิดของเขา ตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 18 ปีเท่านั้น แถมยังพึ่งจะลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ของเปนญาร่อลไปเพียง แค่ 12 เกม เชื่อว่าเขาจะต้องมีความพิเศษอะไรในตัว จนไปเตะตาแมวมองของราชันเข้าอย่างแน่นอน เรอัล มาดริดส่งเขาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การลงสนามกับทีมกาสตีลญ่าหนึ่งฤดูกาล ก่อนปล่อยให้เดปอร์ติโว่ ลา คอรุนญ่า ยืมตัวอีกหนึ่งฤดูกาล แล้วเขาก็ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2018-2019 เพื่อเสริมผู้เล่นในแดนกลางที่กำลังมีปัญหาของทีม

ฤดูกาลนี้เป็นเพียงฤดูกาลที่สองเท่านั้น ของเขากับทีมชุดใหญ่ของเรอัล มาดริด แต่ฝีเท้าของบัลเบร์เด้พัฒนาขึ้นอย่างมาก จนกลายมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในแผงมิดฟิลด์ และเป็นลูกรักคนใหม่ ของซีดานไปแล้ว เขาลงสนามช่วยทีมไปถึง 32 นัดทุกรายการ กับผลงาน 2 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ โดยสไตล์การเล่นของเด็กหนุ่มคนนี้ ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ สตีเวน เจอร์ราด อดีตมิดฟิลด์ระดับตำนานของหงส์แดง ลิเวอร์พูล ด้วยการเล่นที่ทรงพลัง โดดเด่นทั้งในเกมรุกและเกมรับ มีการผ่านบอลที่ยอดเยี่ยมทั้งสั้นและยาว แถมยังมีเซนส์ฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

ปัจจุบันเด็กหนุ่มจากอุรุกวัยคนนี้ ได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อต่าง ๆ อย่างมาก และก้าวขึ้นมาเป็นที่รักของผู้จัดการทีม และเหล่าแฟนบอลของราชันชุดขาวเป็นที่เรียบร้อย และนี่อาจจะส่งผลกระทบถึง ดีลมูลค่ามหาศาลในการที่จะดึงตัวปอล ป็อกบา มาจากยูไนเต็ดต้องถูกระงับไปก็เป็นได้

โรดริโก โมเรโน กองหน้าเนื้อหอมแห่งบาเลนเซีย

ตลาดซื้อ-ขายนักเตะซัมเมอร์ 2018-2019 ที่ผ่านมา โรดริโก โมเรโน นับว่าเป็นนักเตะที่ชื่อหอมหวลมาก ๆ บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปต่างพากันเทียวไล้เทียวขื่อไม่ขาดสาย ตั้งแต่ บาร์เยิร์น มิวนิค เอซี มิลาน บาร์เซโลน่า และที่วาดหวังอย่างจริงจังกว่าใครก็คือ เรอัล มาดริด ที่มองหากองหน้าที่เชื่อใจได้มากกว่า คาริม เบนเซม่า

โรดริโก โมเรโน เกิดในเมือง ริโอ เดอ จาไนโร ประเทศบราซิล เป็นลูกครึ่ง สเปน บราซิล และเลือกติดธงในนามทีมชาติสเปน เป็นกองหน้าที่มีความเร็ว ความคล่องตัวสูง ถนัดเท้าซ้ายแต่ก็สามารถเล่นได้ดี และยิงประตูได้ทั้งสองเท้า เล่นได้ทั้งตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า กองหน้าตัวที่สอง (second striker) และตัวรุกทางกราบขวา ซึ่งสามารถเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติทั้งสามตำแหน่ง โรดริโกถูกจับตามองมาตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่งใน เซลต้า บีโก้ ชุดเล็กในปี 2008 อยู่ใต้ชายคาของเซลต้าได้เพียงปีเดียวก็ถูก เรอัล มาดริด กาสตีญ่า ดูดเข้าสังกัดในปี 2009 ในปีถัดมาเบนฟิก้ายอดทีมจากโปรตุเกสยอมควักเงินจ่ายค่าตัวของเขากว่า 6 ล้านยูโรเพื่อแลกลายเซ็นของดาวรุ่งตัวกลั่นในวัย 19 ปีเขามาฟูมฟักในอะคาเดมี่ จากนั้นไม่กี่เดือนก็ปล่อยตัวให้ โบลตัน วอนเดอร์เรอร์ส ยืมใช้งาน

ที่ โบลตัน โรดริโก ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากนักเตะเก่ง ๆ มากมายเช่น โยฮาน เอลมานเดอร์ มาร์ติน เปตรอฟ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ อิวาน คลาสนิช ลี ชุง ยอง เจลอยด์ ซามูเอล แซท ไนท์ และ แกรี่ เคฮิลล์ แถมยังเป็นนักเตะตัวยืมร่วมรุ่นกับ มาร์กอส อลอนโซ แบ็คซ้ายเวิร์ลคลาสของเชลซีที่ขณะนั้นเป็นดาวรุ่งของ เรอัล มาดริด อีกด้วย การได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกถึง 17 เกมนับเป็นก้าวกระโดดที่ทำให้วิชาของโรดริโกกล้าแข็ง แม้จะยิงได้เพียงประตูเดียวในเกมพบกับ วีแกน แอธเลติก ก็ตาม แต่เมื่อกลับไปเบนฟิก้า สามฤดูกาลที่แผ่นดินโปรตุเกสเขาลงเล่นทั้งสิ้น 119 เกม กระซวกตาข่ายไป 45 ลูก กับอีก 17 แอสซิสต์จากทุกรายการ แมวมองของ “ไอ้ค้างคาว” บาเลนเซีย ไม่รอช้าจัดการทดสอบของแรงทันที และแค่ยืมตัวไปใช้งานเพียงฤดูกาลเดียว โรดริโกก็กลายเป็นดาวรุ่งเนื้อหอมที่ทีมระดับกลางจับตามองทั้งเซบีญ่า แอตเลติโก มาดริด และ บีญาเรอัล บาเลนเซียจึงวางเฉยไม่ได้จัดการรวบหัวรวบหางจ่ายค่าตัวกว่า 30 ล้านยูโร คว้าตัวเขามาร่วมทีมโดยสมบูรณ์ เพื่อเป็นการกันท่าบรรดาทีมตาอยู่ที่จ้องตาเป็นมัน

5 ฤดูกาลกับบาเลนเซียศูนย์หน้าฟอร์มฮอตลงสนามทั้งสิ้น 146 เกม ทำประตูทั้งสิ้น 38 ลูก จ่ายให้เพื่อนทำประตูได้อีก 20 ลูกถ้วน จากทุกรายการ ในขณะที่เขายังไม่ตัดสินใจขยายสัญญากับบาเลนเซีย และสัญญาเดิมเหลือเวลาไม่ถึงสองปีครึ่ง ไม่แน่…บางทีตลาดฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ เมสตาย่า สเตเดี้ยม อาจจะเล็กไปสำหรับคนความสามารถใหญ่อย่าง โรดริโก โมเรโน มาชาโด

โลเปเตกี ชื่อนี้เก้าอี้ร้อน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการโบกมืออำลาถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ เรอัล มาดริด การไม่ชนะติดต่อกันถึงห้าเกม และยิงได้เพียงหนึ่งประตู เป็นหายนะที่ไม่เกิดกับทีมราชันชุดขาวมานานหลายทศวรรษแล้ว และมันเกิดขึ้นหลังจากเสียนักเตะหมายเลขหนึ่งของทีมไปพร้อมกุนซือคู่บุญ

ก่อนฤดูกาลจะเริ่มขึ้น หลายคนมองว่าโคตรทีมจากสเปนจะหาตัวตายตัวแทนได้แน่นอน หวยออกไม่พ้นดาวดังอย่าง คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ เนย์มาร์ และ เอแด็น อาร์ซาร์ ทว่าท้ายที่สุดมาดริดล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ กลับไปทุ่มเงินคว้าตัว เวเนซิอุส กองกลางดาวรุ่งชาวแซมบ้าที่ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ถึงกระนั้น ฆูเลน โลเปเตกี ผู้จัดการทีมคนใหม่ก็ไม่ยี่หระ ประกาศพอใจกับทีมและนักเตะที่มี โดยจะผลักดัน แกเร็ธ เบล ให้ขึ้นมาเป็นหัวใจของทีมแทน ซึ่งก็เป็นตามที่แฟนบอลคาดหมาย ปีกชาวเวลล์มีดีพอก้าวขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่งของทีม หลายครั้งในเกมสำคัญประตูของเขาชี้ขาดเกมได้ หลายครั้งยามไม่มีโรนัลโด้เขาแบกรับทีมแทนได้อย่างไม่ขัดข้อง แต่…เบลไม่ใช่นักเตะที่มีความฟิตพอจะส่งลงสนามได้แทบทุกนัด ซ้ำร้ายความเป็นผู้นำในสนามยังน้อยกว่าเพื่อนร่วมทีมอีกหลาย ๆ คน แรงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมเฉกเช่นโรนัลโด้จึงไม่เกิดขึ้นกับเบล

เซบีญ่า 3-0 เรอัลมาดริด

เรอัล มาดริด 0-0 แอตเลติโก มาดริด

ซีเอสเคเอ มอสโก 1-0 เรอัล มาดริด

อลาเบส 1-0 เรอัลมาดริด

เรอัล มาดริด 1-2 เลบานเต้

สองนัดหลังถือเป็นความอับอายอย่างยิ่งสำหรับสาวกมาดริดิสต้า เพราะแพ้ทีมรองบ่อน ห่างชั้นกันราวฟ้ากับเหว และคนที่กดดันยิ่งกว่าใครในรูปการณ์นี้ก็คือ ฆูเลน โลเปเตกี แม้จะทำทีมชนะถล่มทลายมาก่อนหน้านี้แต่รูปทรงฟุตบอลที่เคยดุดันน่าเกรงขามของ เรอัล มาดริด กลับค่อย ๆ หายไป ภายใต้แท็กติกใหม่ของเขามันช่างน่าอึดอัด ดูไม่ไหลลื่น โดยเฉพาะเกมรุกที่ดูจะประสานงานกันไม่ลงตัว ไม่ว่าจะส่งใครลงสนาม ยิ่งความพยายามผลักดันดาวรุ่งให้ได้รับโอกาสลงสนามผิดจังหวะเวลายิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม

งานหนักกว่าเก่าเมื่อมีข่าวซุบซิบว่ากลุ่มนักเตะตัวเก๋าของทีมเริ่มไม่พอใจการทำงานของโลเปเตกี โดยเฉพาะมาร์เซโล่แบ็คซ้ายหัวฟูชาวบราซิเลี่ยนที่ออกตัวแรงขอขึ้นบัญชีย้ายตั้งแต่ยังไม่เข้าเดือนธันวาคม โดยหมายใจกลับไปร่วมงานกับเพื่อนสนิทอย่างโรนัลโด้ที่ตูริน กรณีของมาร์เซโล่สุ่มเสี่ยงอย่างมาก หากบอร์ดบริหารของมาดริดยังสนับสนุนโลเปเตกีพลาดพลั้งจะเกิดอาการแข้งไหลได้ โดยเฉพาะนักเตะตัวหลักที่หาตัวแทนได้ยาก

สุดท้ายนี้ข่าวร้อนล่าสุดมีการยืนยันจากสำนักข่าวในยุโรปว่าฝ่ายบริหารของ เรอัล มาดริด ไม่อยู่เฉย แอบเล็งผู้จัดการทีมฝีมือดีไว้หลายคนทั้ง อาร์แซน เวนเกอร์ เลโอนาร์โด ยาร์ดิม มัวริซิโอ โปเช็ตติโน่ แต่ที่มาแรงกว่าใคร ณ เวลานี้คือ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เพิ่งตกเก้าอี้จากเชลซีนั่นเอง

เอแด็น อาร์ซาร์ ฤดูกาลหน้าจะอยู่หรือไป?

นับตั้งแต่ตัดสินใจปัดข้อเสนอของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เพื่อย้ายจาก ลีลล์ สู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในปี 2012 ชีวิตของเพลย์เมกเกอร์ชาวเบลเยี่ยมก็เหมือนกราฟที่พุ่งขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยิ่งล่าสุดพาทีมชาติคว้าอันดับสามในฟุตบอลโลก 2018 มาได้ นับเป็นการตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่าคุณภาพของอาร์ซาร์อยู่ตรงจุดไหน? แน่นอนไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาคือนักเตะระดับโลกอย่างแท้จริง

ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ใด ๆ ในเกาะอังกฤษไม่นับถาดการกุศล หรือแม้แต่ถ้วยยุโรปอย่างยูโรป้าลีกปีกร่างเล็กก็สัมผัสกับต้นสังกัดมาแล้วทั้งสิ้น จะว่าความท้าทายในลีกผู้ดีแทบไม่เหลืออะไรที่ต้องไขว่คว้าก็อาจจะกล่าวได้ ในขณะเดียวกันข่าวพัวพันกับการย้ายไปสวมชุดขาวที่สเปนก็ออกมาเป็นระรอก เมื่อตลาดซื้อ-ขายนักเตะเปิดก็มักจะมีความคาดเดาว่าอาร์ซาร์จะได้ย้ายสังกัด แต่ก็เป็นเพียงข่าวลม ๆ แทบทังสิ้น จนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาก่อนตลาดซื้อ-ขายฤดูหนาวจะปิดลง อาร์ซาร์ให้ข่าวกับสื่อกีฬาอย่างตรงไปตรงมาว่า เรอัล มาดริด คือทีมในฝันของเขามาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน เจ้าตัวก็พูดกับสื่ออีกรอบเพื่อกระตุ้นสถานการณ์ของทีม ซึ่งหมายความกลาย ๆ ว่าควรเฉดหัว อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือมากปัญหาออกไปได้แล้ว แม้จะไม่ได้พูดอย่างตรง ๆ แต่การบอกว่า “อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในทีมที่ดีกว่านี้ ไม่เช่นนั้นคงมองหาทางไป และถ้าเขาจะย้ายทีม ทุกคนรู้ดีว่ามันจะหมายถึงที่ไหน?” คำพูดประมาณนี้ก็ทำให้หลายคนเข้าใจดี แถมการรั้งรอไม่ยอมจรดปากกาต่อสัญญาก็ยิ่งทำให้แฟนบอลสิงห์โตน้ำเงินครามรู้สึกหวั่น ๆ อยู่ไม่น้อย เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาอาจต้องเสียนักเตะหมายเลขหนึ่งไปฟรี ๆ

ตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงขณะนี้สังเกตได้ชัดว่ามีแต่ข่าวจากฟากฝั่งนักเตะเอง แต่กลับกันทางฝั่ง ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด กลับเงียบเป็นเป่าสากผิดแผกไปจากเดิมที่เวลาต้องการซุปตาร์คนไหนเป็นต้องป่าวประกาศไปสามบ้านแปดบ้าน และดันไปมีข่าวกระแสแรงกับเนย์มาร์พ่วงคีเลี่ยน เอ็มบัปเป้สองสตาร์จาก ปารีส แซงต์ แชร์แม็ง เสียมากกว่า ถึงแม้จะคาดเดาได้ไม่ยากว่าสองตัวนี้ค่าหัวแต่ละคนอาจจะมากกว่า 100-250 ล้านปอนด์ก็ตาม จึงดูเหมือนเห็นอาร์ซาร์เป็นของตายหรือตัวเลือกรองของสองดาวดังที่กล่าวไป ราวกับว่าได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร จุดนี้เองอาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อาร์ซาร์อาจจะเลิกอ่อยโคตรทีมจากสเปนเสียที

บางทีการไม่ชัดเจนของ เรอัล มาดริด อาจทำให้อาร์ซาร์หวนกลับไปเปิดโต๊ะเจรจาขยายสัญญาอยู่ต่อกับเชลซีก็เป็นได้  เพราะจากหลาย ๆ คลิปฮาที่เจ้าตัวรวมทั้งเพื่อน ๆ โพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ มันสะท้อนให้เห็นว่าเขาเองยังแฮปปี้มาก ๆ กับชีวิตในมหานครลอนดอนและในถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์โดยไม่จำเป็นต้องง้อ เรอัล มาดริด ให้เสียราคาแต่อย่างใด